6 แนวคิดสู่ความสำเร็จของอีลอน มัสก์ บุคคลผู้ร่ำรวยที่สุดในโลก
Getty Images (via:BBC)
อีลอน มัสก์ เจ้าของบริษัทด้านเทคโนโลยีชั้นนำอย่าง "เทสลาและสเปซเอ็กซ์" วัย 49 ปี กลายเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลกคนใหม่ แซงหน้าเจฟฟ์ เบซอส ผู้ก่อตั้งแอมะซอน บริษัทอีคอมเมิร์ซชั้นนำของโลก โดยมีความมั่งคั่งสุทธิ (Net Worth) ที่ 1.85 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 5.57 ล้านล้านบาท หลังจากราคาหุ้นของบริษัทรถยนต์ไฟฟ้าเทสลาพุ่งสูงขึ้น
เพจเฟซบุ๊ค BBC Thai นำเสนอเรื่องราวของเขาเกี่ยวกับแนวคิด 6 ข้อ ที่นำพาให้ก้าวขึ้นสู่ความสำเร็จนี้
1. ไม่ใช่เรื่องเงิน - ไม่มีปัญหากับการวิ่งหาความร่ำรวย "หากทำด้วยวิธีที่ดีและถูกหลักจรรยาบรรณ" แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ขับเคลื่อนเขา
นี่ถือเป็นความคิดสำคัญในการทำธุรกิจของอีลอน มัสก์ เพราะเมื่อปี 2014 เขายังบอกอยู่เลยว่า "ไม่รู้ว่าตัวเองมีเงินเท่าไร" ซึ่งความจริงคือ ในปีนั้นเขามีทรัพย์สินอยู่ 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
เขาบอกว่า "มันไม่ใช่ว่าจะมีกองเงินอยู่ที่ไหนสักแห่ง แค่ว่าผมมีเสียงโหวตจำนวนหนึ่งในบริษัทเทสลา สเปซเอ็กซ์ และโซลาร์ซิตี และระบบตลาดก็กำหนดมูลค่าให้เสียงโหวตเหล่านั้น"
แต่ในปีที่ผ่านมา มูลค่าหุ้นบริษัทเทสลาเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 7 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แต่มัสก์บอกว่าเขาไม่คิดจะรวยไปตลอด ในอนาคต เขาบอกว่าเงินส่วนใหญ่ของตัวเองน่าจะหมดไปกับการลงทุนสร้างฐานที่อยู่บนดาวอังคาร
2. ทำในสิ่งที่ชอบ - อยากให้สิ่งต่าง ๆ ในอนาคตดีขึ้น อยากได้สิ่งใหม่ ๆ ที่น่าตื่นเต้นที่จะทำให้ชีวิตดีขึ้น
ดูอย่าง สเปซเอ็กซ์ เป็นตัวอย่าง อีลอน มัสก์ก่อตั้งบริษัทนี้ขึ้นมาเพราะหงุดหงิดที่โครงการอวกาศของสหรัฐฯ ไม่ทะเยอทะยานพอ เขาอยากเห็นมนุษย์ก้าวพ้นไปจากโลก พาคนไปดาวอังคารสำเร็จ และก็มีฐานที่ตั้งบนดวงจันทร์ แต่เมื่อเวลาผ่านไป เขาตระหนักว่าไม่ใช่ว่าคนไม่มีความสามารถ เพียงแต่ไม่มีแรงผลักดันพอที่จะทำต่างหาก และเทคโนโลยีเกี่ยวกับการสำรวจอวกาศก็แพงเกินไปกว่าที่ควรจะเป็น
นั่นเป็นที่มาของการก่อตั้งธุรกิจส่งจรวดขึ้นอวกาศที่ถูกที่สุดในโลก และสิ่งสำคัญคือเขาไม่ได้ทำเพื่ออยากจะรวยขึ้น แต่อยากส่งมนุษย์ไปดาวอังคารให้ได้
เขาบอกว่า เขามองตัวเองเป็นวิศวกรมากกว่าเป็นนักลงทุน และสิ่งที่ผลักดันเขาทุกวันคือความปรารถนาที่จะแก้ปัญหาเชิงเทคนิค ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลเดียวกันที่ทำให้ไม่นานหลังจากนั้น เขาตัดสินใจ "ยกเลิกสิทธิบัตรในการผลิตของเทสลาทั้งหมด" เพื่อช่วยให้การผลิตรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกดำเนินไปเร็วมากขึ้น
3. อย่ากลัวที่จะคิดการใหญ่ - จงทำใน "สิ่งที่จะมีความหมาย"
ความทะเยอทะยานเป็นลักษณะเด่นอย่างหนึ่งของธุรกิจต่าง ๆ ของอีลอน มัสก์ เขาอยากปฏิวัติวงการรถยนต์ พามนุษย์ไปดาวอังคาร สร้างอุโมงค์รถไฟความเร็วสูง และใช้ระบบปัญญาประดิษฐ์ร่วมกับสมองคน
สิ่งที่เหมือนกันของโครงการเหล่านี้คือมันเหมือนเป็นความเพ้อฝันแบบที่เราพบในนิตยสารของเด็กในช่วงต้นทศวรรษ 80 หลายบริษัทพัฒนาไปอย่างเชื่องช้าเพราะพยายามที่จะไม่ทะเยอทะยานเกินไปเพราะกลัวจะล้มเหลว
4. กล้าเสี่ยง - แน่นอนว่าคุณต้องมีต้นทุนถึงจะกล้าเสี่ยง แต่ อีลอน มัสก์ก็กล้าเสี่ยงกว่าใครหลายคนมาก
ปี 2002 เขาขายหุ้นธุรกิจสองตัว ได้แก่ Zip2 ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ออนไลน์สำหรับนำเที่ยวเมือง และ PayPal ซึ่งเป็นบริษัทสำหรับการจ่ายเงินทางออนไลน์ ตอนนั้น เขาเพิ่งจะอายุได้ 30 กว่า และมีเงินเกือบ 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในบัญชี
เขาตั้งใจจะเก็บเงินครึ่งหนึ่งไว้ และนำอีกครึ่งไปลงทุน แต่เรื่องไม่ได้ลงเอยเช่นนั้น ในปี 2014 การปล่อยจรวดสามลำแรกของสเปซเอ็กซ์ล้มเหลว ส่วนกระบวนการผลิตของรถยนต์เทสลาก็เผชิญปัญหาเต็มไปหมด จากนั้นก็เกิดวิกฤตเศรษฐกิจ
เขาเลือกที่จะไม่เก็บเงิน และนำเงินทั้งหมดไปลงทุนต่อ จนถึงจุดหนึ่งต้องยืมเงินค่ากินค่าอยู่จากเพื่อน
แล้วเขาไม่กลัวการล้มละลายเหรอ? เขาบอกว่าไม่เลย "ลูก ๆ ผมอาจจะต้องไปเข้าโรงเรียนรัฐบาลแทน ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เพราะผมก็เรียนโรงเรียนรัฐบาลเหมือนกัน"
5.ไม่ต้องฟังคำวิจารณ์ - รู้ว่าเป้าหมายของตัวเองคืออะไร
อีลอน มัสก์ เล่าว่ามีคนมากมายที่อยากให้เขาล้มเหลว เพราะท่าทางหยิ่งผยองในความทะเยอทะยานของเขาด้วยหรือเปล่า มัสก์บอกว่า "ผมคิดว่ามันจะเป็นความหยิ่งผยองหากเราพูดว่าเราจะทำสำเร็จแน่ ๆ ซึ่งตรงกันข้ามกับการบอกว่าเราฝันที่จะทำมัน และเราจะพยายามอย่างเต็มที่"
คนที่วิพากษ์วิจารณ์เขาไม่เชื่อว่าเทสลาและสเปซเอ็กซ์จะทำเงินได้ แต่เขาเองก็ไม่ได้สนใจเรื่องนั้นอยู่ดี เป้าหมายของเขาอยู่ที่การทำใน "สิ่งที่จะมีความหมาย" แทนที่จะพยายามรวยขึ้น และเขารู้ว่าเป้าหมายของตัวเองคืออะไร
6. มีความสุขกับตัวเอง - อีลอน มัสก์ ทำงานหนักมาก ถึงสัปดาห์ละ 120 ชั่วโมงเพื่อให้การผลิตของรถเทสลารุ่น Model 3 ดำเนินไปอย่างราบรื่น แต่เขาก็ดูมีความสุขมาก
ที่ผ่านมา เขาตกเป็นข่าวอยู่เรื่อย ไม่ว่าจะเป็นการโดนฟ้องร้องหมิ่นประมาท การสูบกัญชาขณะออกอากาศ และการแสดงออกอย่างพลุ่งพล่านบนโซเชียลมีเดีย ล่าสุด เขาบอกว่าเป็นเรื่อง "โง่เง่า" ที่คนไปตื่นตระหนกกับโรคโควิด-19 และบอกว่าคำสั่งทางการให้คนอยู่บ้านเหมือนเป็นการสั่งจำคุก และเป็นการละเมิดสิทธิทางรัฐธรรมนูญ
อย่างไรก็ดี เรื่องส่วนตัวเขาดูจะไม่มีผลต่อธุรกิจแต่อย่างใด
เมื่อเดือน ก.ย. เขาบอกว่าภายใน 3 ปี เทสลาจะออกรถที่ใช้การได้ดีในราคาแค่ 25,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ และอีกไม่นานรถใหม่ของบริษัทจะเป็นระบบขับเองทั้งหมด และปีที่ผ่านมาก็ผ่านไปด้วยความสำเร็จหลังการทดสอบปล่อยยานอวกาศสตาร์ชิป (Starship) เป็นไปด้วยดี ซึ่งหวังว่าวันหนึ่งจะเป็นพาหนะที่พามนุษย์คนแรกไปดาวอังคารได้
ที่มา BBC Thai